พำฟ
เหรนพ่เพระ
กล้วยไม้ไทย สู่สายตาโลก
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
กล้วยไม้ไทย เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และเป็นไม้ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะดอกและสีสันลวดลายสวยงาม เป็นไม้ตัดดอกที่มีอายุการใช้งานได้นาน การเลี้ยงกล้วยไม้ไทยใประเทศไทยจึงได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2450 ในหมู่ของผู้สูงอายุและมีฐานะทางเศรษฐกิจดีพอสมควร การส่งเสริมการเลี้ยงกล้วยไม้ไทย ได้เริ่มพันธุ์ต่างๆจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยง และมีการผสมพันธุ์กันบ้างแต่ยังจำกัดวงอยู่เช่นเดิม ความรู้ทางวิชาการจึงมิได้กระจายออกไปเท่าที่ควร และทรัพยากรต่างๆ ก็ยังมิได้เกิดประโยชน์อย่างชัดเจนด้วย
จากการสำรวจในอดีตพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกล้วยไม้อยู่ในป่าธรรมขาติไม่ต่ำกว่า1,000 ชนิดทั้งประเภทที่พบอยู่บนต้นไม้บนพื้นผิวของภูเขาและบนพื้นดินสรุปได้ว่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของ ประเทศไทยเอื้ออำนวยแก่การเจริญงอกงามของกล้วยไม้เป็นอย่างมากในอดีตชาวชนบทของไทยโดยเฉพาะในแหล่งที่เคยมีกล้วยไม้ป่าอุดมสมบูรณ์ได้นำกล้ายไม้ป่ามาปลูกเลี้ยงโดยเลียนแบบธรรมชาติโดยนำกล้วยไม้มาปลูกไว้กับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ไกล้ๆบ้านเรือนการเลี้ยงกล้วยไม้เริ่มเปลี่ยนมาเป็นการปลูกเลี้ยงอย่างจริงจังโดยชาวตะวันตกผู้หนึ่งที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเห็นว่าสภาพแวดล้อมของประเทศไทยเหมาะสม
ปี 2509เริ่มการทำสวนกล้วยไม้ตัดดอกอย่างจริงจังเมื่อไทยเริ่มส่งออกกล้วยไม้ไปสู่ตลาดต่างประเทศในยุโรปตะวันตก เช่นสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และอิตาลีต่อมาจึงขยายตลาดไปสู่ประเทศญี่ปุ่น แคนาดาและบางรัฐของสหรัฐอเมริกา
การปลูกต้นไม้ ดอกไม้ สามารถช่วยเสริมศิริมงคล ดวงชะตาเราให้ดีขึ้น อย่างเช่น จะทำให้มีความสุขุม จิตใจอ่อนโยน คนที่ใจร้อนก็จะใจเย็นลงได้ และยังช่วยเสริมดวงชะตาคนในบ้านให้เป็นที่ยกย่อง ด้วยความเชื่อต่าง ๆ นี้ เกิดจากคนโบราณ หรือผู้เฒ่าผู้แก่ที่เชื่อว่า ถ้าปลูกไม้มงคลต่าง ๆ จะช่วยเสริมความเป็นศิริมงคลแก่ดวงชะตาของผู้ปลูก จึงให้นึกถึงบิดาแห่งกล้วยไม้ไทย ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ระพี สาคริก ซึ่งผลงานเรื่องกล้วยไม้ของท่านนั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย "หกสิบปีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศาสตร์แห่งแผ่นดิน"
ประเภทกล้วยไม้ไทย
กล้วยไม้นั้น เราสามารถเลือกปลูกได้ตามความต้องการของธรรมชาติ โดยการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ภาชนะปลูก ตลอดจนการปลูก และดูแลรักษากล้วยไม้ กล้วยไม้จะแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท
ประเภทที่ 1 กล้วยไม้ดิน รากจะเป็นส่วนที่อวบน้ำ หรือที่เรียกกันว่าหัว มีลักษณะของดอกที่มีชุดของเกสรทั้งสองซีดหันปลายลงสู่โคนเส้าเกสร กล้วยไม้ดินที่พบได้ในประเทศไทย ได้แก่ ท้าวคูลู และดอกนางอั้ว เป็นต้น
ท้าวคูลู

ประเภทที่ 2 กล้วยไม้กึ่งดิน จะมีระบบรากค่อนข้างละเอียด และขึ้นอยู่ตามผิวดินในพื้นที่มีหินผุ ใบไม้ผุที่ตกทับถมบนผิวดิน ซึ่งรากจะไม่อวบน้ำ มีลำลูกกล้วย ซึ่งอาจอยู่ใต้ดิวดิน หรืออยู่เหนือผิวดินก็ได้ กล้วยไม้กึ่งดินส่วนมากที่พบเห็นได้แก่ กล้วยไม้สกุลยูโลเฟีย


รองเท้านารี
ประเภทที่ 3 กล้วยไม้กึ่งอากาศ ธรรมชาติของกล้วยไม้นี้ จะขึ้นอยู่บนพื้นดิน บนหิน และบนต้นไม้ หากพบบนดินจะอยู่บนพื้นซึ่งมีใบไม้ผุ ตกทับถม กล้วยไม้ประเภทนี้ได้แก่ พวกสกุลเด็นโดรเบียม หรือ
สกุลหวาย แคทลียา ซิมบีเดียม และออนซีเดียม เป็นต้น







สกุลหวาย แคทลียา ซิมบีเดียม และออนซีเดียม เป็นต้น
แคทรียา
ประเภทที่ 4 กล้วยไม้อากาศ กล้วยไม้จำพวกนี้เราจะพบเห็นอยู่ตามต้นไม้ มีระบบราก และลักษณะราก อยู่ในประเภทรากอากาศ มีระบบรากหยาบ รากมีขนาดใหม่ ถ้าใช้มือหักรากสดจะพบว่า ตัวรากจริง ๆ เป็นแกนเล็กและแข้ง ส่วนผิวที่หนามีคุณสมบัติเก็บความชื้น และอาหารได้ดีเป็นพิเศษ ไม่ชอบที่แฉะ หรือมีน้ำขัง ชอบที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี กล้วยไม้สกุลนี้ ได้แก่ สกุลแวนดา แอริเดส อะแรคนิส เรแนนเธอรา วินคอสไดลิ และฟาแลนนอพซิส เป็นต้น
ประเภทที่ 4 กล้วยไม้อากาศ กล้วยไม้จำพวกนี้เราจะพบเห็นอยู่ตามต้นไม้ มีระบบราก และลักษณะราก อยู่ในประเภทรากอากาศ มีระบบรากหยาบ รากมีขนาดใหม่ ถ้าใช้มือหักรากสดจะพบว่า ตัวรากจริง ๆ เป็นแกนเล็กและแข้ง ส่วนผิวที่หนามีคุณสมบัติเก็บความชื้น และอาหารได้ดีเป็นพิเศษ ไม่ชอบที่แฉะ หรือมีน้ำขัง ชอบที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี กล้วยไม้สกุลนี้ ได้แก่ สกุลแวนดา แอริเดส อะแรคนิส เรแนนเธอรา วินคอสไดลิ และฟาแลนนอพซิส เป็นต้น
แวนดา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)